May 31, 2021 ฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือ คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้การใช้งานของคุณนั้นรวดเร็วและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เริ่มต้นใช้งานฟังก์ชั่นการสแกนลายนิ้วมือ ปัจจุบันการเข้าสู่ระบบด้วยเทคโนโลยีไบโอเมตริกซ์มักจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การเข้าถึงระบบและการป้องการข้อมูลส่วนบุคคุลนั้นมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นการใช้รหัสผ่าน ยังคงเป็นมาตรฐานการใช้งานอยู่ในปัจจุบัรเช่นกัน แต่ผู้ใช้งานหลายๆท่านมักจะประสบปัญหาในการจดจำรหัสผ่านที่มีความซับซ้อน และขั้นตอนต่อไปก็นำไปสู่การลืมรหัสผ่านในที่สุด นอกจากนี้ การใช้รหัสผ่านอาจจะมีความเสี่ยงบางอย่างกับทางด้านข้อมูลส่วนบุคคลอีกด้วย ฟังก์ชั่นการสแกนลายนิ้วมือ จึงถือว่าเป็นแนวทางใหม่ในการแก้ปัญหาข้างต้นนั้น มันสามารถยึดตามรูปแบบลายนิ้วมือของมนุษย์ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไปตามในแต่ละบุคคุล รวมถึงมีความปลอดภัยและรวดเร็วในการยืนยันตัวตนผ่าน Windows Hello นอกจากนี้ ยังสามารถที่จะใช้ในการเข้าถึงระบบออนไลน์อื่นๆผ่าน FIDO2 อีกด้วย ซึ่งปัจจุบัน ฟังก์ชั่นการสแกนลายนิ้วมือนี้ ถือเป็นที่นิยมในแล็ปท็อปหลายรุ่นๆมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ประโยชน์ของฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือในแล็ปท็อป 1. ปรับปรุงระบบความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลายนิ้วมือของแต่ละคนนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการทำซ้ำ ทำให้มีวคามปลอดภัยในการเข้าสู่การใช้งานของแล็ปท็อปของคุณ 2. เข้าใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เข้าใช้งานได้เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัส ทำให้ประหยัดเวลาเมื่อเทียบกับการพิมพ์รหัสผ่านถึง 3 เท่า ช่วยให้คุณเข้าถึงการทำงานได้เร็วขึ้น รวมถึงไม่ต้องจำรหัสผ่านที่ซับซ้อนอีกต่อไป 3. การรับรองความปลอดภัยผ่านการใช้ FIDO2 ด้วยฟังก์ชั่นการสแกนลายนิ้วมือ คุณสามารถเข้าถึงเว็บบราวเซอร์ได้โดยไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่าน เช่น Google Chrome, Mozilla Firefox, Microsoft Edge และโปรแกรมอื่นๆที่รองรับ เช่น Outlook, Skype และ Gmail ซึ่งในตอนนี้สามารถที่จะใช้งานได้ใน Windows 10 และ Android ตั้งค่าการใช้งานการสแกนลายนิ้วมือผ่าน Windows Hello 1. ไปที่ 【Windows Settings】และคลิกที่【Accounts】 2. ไปที่【Sign-in options】และคลิกที่【Windows Hello Fingerprint】 *โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณกรอก Windows Hello PIN ครบถ้วนแล้วก่อนตั้งค่า Windows Hello Fingerprint. 3. หน้าต่าง【Windows Hello setup】จะปรากฏขึ้นมา จากนั้นใส่รหัส PIN ของคุณที่【Windows Security】 4. ยกนิ้วของคุณค้างไว้บนเซ็นเซอร์ลายนิ้วมือซ้ำๆ จนกว่าการตั้งค่าจะเสร็จสิ้น 5. หากคุณต้องการเพิ่มลายนิ้วมือของนิ้วอื่น โปรดคลิกที่【Windows Hello fingerprint】และคลิกที่【[...]
January 15, 2021 เกมมิ่งโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ของ MSI มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ NVIDIA Resizable Bar เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา MSI ได้มีการเปิดตัวเกมมิ่งโน้ตบุ๊กรุ่นล่าสุดที่มาพร้อมสถาปัตยกรรม Ampere รุ่นใหม่ของ NVIDIA ซึ่งเป็นเทคโลยีที่มาพร้อม AI อัจฉริยะที่จะเพิ่มสมรรถนะในการส่งข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หนึ่งในคุณสมบัติที่น่าสนใจนั่นคือเทคโลยีใหม่ในชื่อ "Resizable Bar" โดยจะมาพร้อมกับกราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce RTX 30 ซีรี่ส์ ที่มีการนำมาใช้งานครั้งแรกในเกมมิ่งโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ของทาง MSI เทคโนโลยี Resizable Bar นี้ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ NVIDIA GeForce RTX 30 ซีรี่ส์สามารถที่จะไปถึงจุดสูงสุดในการแสดงประสิทธิภาพ จากการนำไปติดตั้งไว้ให้ทำงานร่วมกับเกมมิ่งโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ของ MSI นั่นเอง ประโยชน์ของเทคโนโลยี Resizable Bar ที่ผ่านมานั้น สถาปัตยกรรมของ CPU ดูจะถูกจำกัดการเข้าถึงหน่วยความจำของ GPU อยู่พอสมควร โดยมีการจำกัดความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลไว้ที่ 256MB เท่านั้น แต่ในขณะที่เกมยุคใหม่ มีการแสดงผลในระดับที่สูงขึ้นมากกว่าที่ผ่านมา รวมถึงสามารถแสดงผลได้อย่างสมจริงด้วยด้วยรายละเอียดที่ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม แต่สถาปัตยกรรมแบบเดิมนั้น ไม่สามารถรองรับการโอนถ่ายข้อมูลที่มีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับในการเล่นเกมได้อีกต่อไป เพราะต้องมีการใช้ข้อมูลเกี่ยวกับพื้นผิวและรูปทรงทางคณิตศาสตร์เป็นจำนวนมากส่งผ่านระหว่าง CPU ไปสู่ VRAM และเมื่อการโอนถ่ายข้อมูลถึงขีดจำกัด ก็จะเกิดการติดขัดและทำให้ต้องจัดลำดับในการโอนถ่ายข้อมูลใหม่ ทำให้ไม่สามารถใช้ประสิทธิภาพของการทำงานได้อย่างเต็มที่ เทคโนโลยี Resizable Bar สามารถเพิ่มพลังในการคำนวนของ CPU และ GPU ให้สูงขึ้นอย่างน่าทึ่ง รวมถึงสามารถทำให้ CPU เข้าถึงหน่วยความจำของ GPU ได้อย่างเต็มที่ในการใช้งานที่ต้องมีการบัฟเฟอร์ของข้อมูล ซึ่งการที่ CPU เข้าถึง VRAM ได้อย่างสมบูรณ์นั้นจะช่วยลดขั้นตอนการโอนถ่ายข้อมูลไปมาระหว่าง CPU และ GPU ซึ่งดูเหมือนว่าการทำงานร่วมกันในลักษณะนี้ เป็นเทคโนโลยีใหม่ในการโอนถ่ายข้อมูลของยุคปัจจุบัน ทำให้การเล่นเกมและการทำงานต่างๆนั้นมีประสิทธิภาพสูงไปอีกขั้นเมื่อเทียบกับที่ผ่านๆมา ↑เทคโนโลยี Resizable Bar สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลของการแสดงผลในส่วนกราฟิกต่างๆ MSI เปิดตัวเกมมิ่งโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ พร้อมใช้งานเทคโนโลยี Resizable Bar เป็นครั้งแรกในโน้ตบุ๊กที่มาพร้อมกราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce [...]
December 08, 2020 Christmas Gifting Guide 2020: A Gamer’s Secret Holiday Wishlist It’s the most, wonderful time…of the year! Let’s bring back the good ‘ole Christmas cheer to this tough year by bringing a smile to our loved ones’ faces, shall we? An aging PC is just no fun [...]
October 16, 2020 เลือกเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโปรโมชั่นสำหรับวันหยุดนี้! ในช่วงวันหยุดยาวสิ้นปีนี้ เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับโปรโมชั่นราคาพิเศษต่างๆ แต่เนื่องด้วยปัจจัยด้านเวลาที่อาจจะมีน้อยไป เราจึงได้เลือกรุ่นที่คู่ควรแก่การใช้งานมาให้คุณ! ซึ่งส่วนที่เกื้อหนุนประสิทธิภาพในการเล่นเกมมากที่สุด คงหนีไม่พ้นการ์ดจอ ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการเล่นเกม หากคุณกำลังมองหาเกมมิ่งโน้ตบุ๊กสักเครื่องที่มีการ์ดจอสำหรับเล่นเกมโดยเฉพาะ เราจะเลือกซื้ออย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นเกม? โดยทั่วไปแล้วเกมมิ่งโน้ตบุ๊กรุ่นที่เกมเมอร์นิยมใช้กัน ตัวการ์ดจอนั้นจะอยู่ระหว่าง GTX 1650 ถึง RTX 2070 ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นหมวดหมู่ที่เหมาะกับเกมเมอร์ทั่วๆไปหรือเกมเมอร์ที่มองหาเกมมิ่งโน้ตบุ๊กในราคาประหยัด แต่สำหรับรุ่น GeForce RTX ซีรี่ส์ จะมีคุณสมบัติที่พิเศษกว่า จากความสามารถในการทำให้การสะท้อนของวัตถุภายในเกมมีความสมจริงมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น RTX 2070 และ GTX 1650 Ti ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ควรค่าแก่การใช้งานด้วยเหตุผลด้านต่างๆดังต่อไปนี้ ตารางด้านล่างนี้คือข้อมูลเปรียบเทียบของ RTX 2070, RTX 2060, GTX 1650 Ti และ GTX 1650 อย่างที่เห็นกันว่า RTX 2070 มีประสิทธิภาพมากกว่า RTX 2060 ด้วย CUDA Cores และ RT Cores รวมถึง Memory ที่เยอะกว่า อีกสิ่งที่ไม่น่าแปลกใจคือเมื่อเอา GTX 1650Ti และGTX 1650 มาเทียบกัน จะเห็นว่าสเปคส่วนใหญ่นั้นมีความใกล้เคียงกันมาก แต่ที่น่าสนใจคือรุ่น Ti นั้นมีอัตราการกินพลังงานที่ต่ำกว่าและค่าสัญญาณนาฬิกาอยู่ที่ 1350-1485 MHz ซึ่งน้อยกว่า GTX 1650 ซึ่งอยู่ที่ 1395-1560 MHz อย่างไรก็ตาม เมื่อดูที่ค่า TGP ที่ 55W (เพิ่มขึ้น 5W) GTX 1650Ti นั้นควรจะให้ประสิทธิภาพในการใช้งานที่สูงมากกว่านี้ เราจะมาดูกันอีกทีว่าช่องว่างระหว่างประสิทธิภาพของทั้งสองรุ่นนั้นมีปัจจัยอะไรเป็นส่วนสำคัญ เรามาดูผลการทดสอบจริงจาก 3DMark Time Spy กัน จะเห็นว่าคะแนนของ RTX 2070 สูงกว่า RTX 2060 อยู่ 20% ส่วน GTX 1650Ti นั้นยังได้ผลทดสอบที่เหนือกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 17% อีกด้วย นอกจากนี้่ เรายังมีทดสอบกับเกมอีก 3 เกมเพื่อลองดูว่าเมื่อนำมาใช้เล่นเกมยอดนิยมที่เราล่นกัน ผลการทดสอบนั้นจะเป็นอย่างไร โดยเราจะใช้การตั้งค่ากราฟิกภายในเกมความละเอียดเป็น [...]
October 12, 2020 หน้าจอเกมมิ่งยุคใหม่ ในอัตรารีเฟรชเรต 300Hz เปิดประสบการณ์ใหม่ในการเล่นเกม ปัจจุบันนี้ เราจะเห็นว่าเริ่มมีเกมมิ่งโน้ตบุ๊กพร้อมสุดยอดจอสำหรับเล่นเกมที่มีอัตรารีเฟรชเรต 300Hz เปิดวางขายให้ได้เป็นเจ้าของกันบ้างแล้ว คำถามคือ เราจำเป็นต้องใช้จอที่มีอัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 300Hz หรือไม่ และมันจะช่วยเสริมประสบการณ์ในการเล่นเกมให้คุณได้อย่างไร มาหาคำตอบไปพร้อมๆกัน! จอ 300Hz – ขจัดปัญหาการฉีกขาดของภาพและการขาดความลื่นไหลในการเล่นเกม โดยทั่วไปแล้ว จะมีปัญหาอยู่สองอย่างเกี่ยวกับหน้าจอที่ใช้ในการเล่นเกม นั่นคือ การฉีกขาดของภาพ และการขาดความสมูธของหน้าจอ หากต้องการลดการฉีกขาดของภาพ คุณอาจจะต้องเปิดใช้งานเทคโนโลยีที่ไว้ใช้ซิงค์ภาพในเกมกับจอแสดงผล แต่นั่นอาจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป เมื่อมันอาจทำให้ภาพในเกมไม่มีความลื่นไหล ในสมัยก่อนนั้น ยังไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่ว่ามาได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณต้องเลือกว่าจะลดเฟรมเรตในเกมลงหรือแก้ที่รีเฟรชเรตของจอแสดงผล แต่ด้วยอัตรารีเฟรชเรตที่สูงถึง 300Hz นั้น คุณสามารถเพลิดเพลินไปกับการแสดงผลขั้นต่ำ โดยไม่ต้องนั่งทนอยู่กับอาการฉีกขาดของภาพอีกต่อไป 1. การฉีกขาดของภาพ (Screen Tearing) เกมเมอร์หลายๆคนอาจต้องเคยเจอกับอาการฉีกขาดของภาพ ซึ่งเกิดจาก GPU ที่แสดงผลภาพต่อวินาทีสูงกว่าที่อัตรารีเฟรชเรตของจอจะรับไหว ตัวอย่างเช่น ในเกม CS:GO กับจอแสดงผลที่มีอัตรารีเฟรชเรตแค่ 60Hz แต่ GPU ของคุณนั้นสามารถรีดประสิทธิภาพในการแสดงผลออกมาได้ถึง 100 เฟรมต่อวินาที (fps) ซึ่งจะทำให้ภาพเกิดการฉีกขาดในขณะที่คุณเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วภายในเกม *ตัวอย่างอาการฉีกขาดของภาพภายในเกม *ภาพจำลองอาการฉีกขาดของภาพในขณะเล่นเกม Fortnite สิ่งเหล่านี้เกิดจากสาเหตุที่มีความไม่สอดคล้องกันระหว่างการแสดงผลของ GPU และอัตรารีเฟรชเรตของหน้าจอ แล้วที่ผ่านมานั้น มีการแก้ปัญหานี้อย่างไร? การทำให้สองสิ่งมีการทำงานที่สอดคล้องกันนั้น เรียกว่าเทคโนโลยี V-Sync, G-Sync, FreeSync หรือการจำกัด fps ของเกมไว้ที่อัตรารีเฟรชเรตสูงสุดของหน้าจอนั่นเอง 2. ปัญหาการกระตุกของภาพ (Input lag) อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีการ Sync ต่างๆไม่ใช่ทางออกอย่างสมบูรณ์แบบ คุณแทบจะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวที่มีความลื่นไหลน้อยลงกว่าเดิมโดยเฉพาะกับเทคโนโลยี V-Sync ยิ่งไปกว่านั้น มันยังจำกัดความสามารถในการแสดงผลของการ์ดจออันทรงพลังเพื่อทำให้ภาพนั้นซิงค์กับรีเฟรชเรตของหน้าจอ ด้วยเหตุนี้เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเกมจึงไม่แสดงเฟรมเรตไปมากกว่าอัตรารีเฟรชเรตของหน้าจอคุณ หากคุณเล่น CS:GO บนจอแสดงผล 60Hz คุณก็จะได้รับเฟรมเรตเพียง 60 fps เท่านั้น ซึ่งนั้นทำให้ประสิทธิภาพของการ์ดจอคุณไม่ได้รับการสนับสนุนให้มันแสดงประสิทธิภาพที่แท้จริงเท่าที่ควร *ภาพจำลองว่าจะเป็นอย่างไรถ้าเล่นเกม Fortnite ในแบบเฟรมเรตต่ำที่ถูกจำกัดไว้ด้วย V-Sync และถ้าคุณปิด V-Sync ความลื่นไหลของภาพจะเพิ่มมากขึ้น แต่มันอาจจะรวมถึงทำให้เกิดอาการฉีกขาดของภาพตามมา *ภาพจำลองการฉีกขาดของภาพในขณะที่เฟรมเรตสูงกว่าหน้าจอแสดงผลในเกม Fortnite ทางแก้ปัญหา: หน้าจอ 300Hz จากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น มันมีหนทางใดไหมที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้? คำตอบคือหน้าจอที่มีอัตรารีเฟรชเรตที่สูงมากๆนั่นเอง ซึ่งหน้าจอ 300Hz นั้น สามารถป้องกันได้ทั้งปัญหาการฉีกขาดของภาพและการกระตุกจากเฟรมเรตที่น้อย รวมถึงช่วยปลดปล่อยศักยภาพที่สูงที่สุดสำหรับการ์ดจอของคุณอีกด้วย อัตรารีเฟรชเรต 300Hz นั้น หมายความว่าทุกๆครั้งที่หน้าจอกระพริบมันจะใช้เวลาเพียง 3.3ms เท่านั้นในการแสดงผลที่การ์ดจอส่งออกมาและสามารถจับคู่กับรอบการรีเฟรชของหน้าจอ ลดปัญหารอยต่อและการฉีกขาดที่คุณจะไม่ได้เห็นจากหน้าจอนี้ ให้ประสบการณ์เล่นเกมที่ดีขึ้นกว่าเดิม เสริมด้วยประโยชน์ในการที่ไม่ต้องเปิดเทคโนโลยี Sync ต่างๆทำให้การเล่นเกมมีความลื่นไหลในอัตราสูงสุด *ภาพจำลองการเล่นเกม Fortnite ในอัตรารีเฟรชเรต 300Hz รวมถึงไม่เกิดอาการหน่วงใดๆกับเฟรมเรตในเกม เนื่องจากเทคโนโลยีการ Sync ต่างๆนั้น แทบไม่มีความจำเป็นบนจอแสดงผล 300Hz เนื่องจากไม่มีปัญหาด้านการฉีกขาดหรือการขาดความลื่นไหลในการเคลื่อนไหว ในขณะที่การ์ดจอก็สามารถทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างที่มันควรจะเป็น ข้อแนะนำสำหรับการตัดสินใจว่าควรเลือกใช้หน้าจอ 300Hz หรือไม่ หากคุณกำลังมีความสนใจในการเป็นเจ้าของหน้าจอ 300[...]
July 23, 2020 เกมมิ่งโน้ตบุ๊กสุดล้ำ! GE66 Dragonshield Limited Edition: ยานรบอันสุดแกร่งแห่งโลกความจริง! Colie Wertz เป็นศิลปินนักออกแบบวิชวลคอนเซปต์ที่มือชื่อเสียงอย่างมากในวงการภาพยนตร์ เขาเป็นคนที่ออกแบบยานอวกาศในภาพยนตร์ชื่อดังหลายๆเรื่อง รวมทั้งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ดังๆของฮอลลีวูด เช่น Dune (2020), Captain America, Transformers, Iron Man และ Lone Ranger ด้วยประสบการณ์ในวงการกว่า 20 ปี โดยการถ่ายทอดเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคตให้ปรากฏเป็นความจริง โดยสิ่งนั้น คือโน้ตบุ๊กอันทรงพลังอย่าง MSI GE66 Raider Dragonshield Limited Edition ตัวนี้นั่นเอง! "ศึกษาทุกความเป็นไปในโลกนี้ เพื่อเพิ่มทุกโอกาสที่คุณจะได้รับ" - Colie Wertz ประวัติคร่าวๆของ Colie Wertz นั้น เขาได้รับปริญญาในด้านสถาปัตยกรรมและได้สั่งสมชื่อเสียงในฐานะศิลปินมาอย่างยาวนานจากวงการฮอลลีวูด รวมถึงผ่านจุดเปลี่ยนมากมายที่ทำให้เขากลายเป็นอย่างทุกวันนี้ เขากลายเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบวิชวลและเอฟเฟกต์ต่างๆ รวมถึงเคยร่วมงานกับทั้ง Industrial Light and Magic (ILM) ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดย George Lucas ผู้ให้กำเนิด Star Wars โดยทาง Colie Wertz นั้นก็เป็นหนึ่งในผู้ออกแบบยานอวกาศให้กับทางเฟรนส์ชายน์ระดับโลกเรื่องนี้เช่นกัน ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ทำให้งานของเขามีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เขาได้รับเครดิตในภาพยนตร์แนว sci-fi มากมายนับไม่ถ้วน โดยผลงานของเขานั้น เปี่ยมทั้งความมีสไตล์และโดดเด่นได้ท่ามกลางงานศิลปะมากมาย ด้วยการใช้ลวดลายและสีสัน รวมถึงโลโก้อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า MSI GE66 Raider Dragonshield Limited Edition เป็นผลงานศิลปะอันยอดเยี่ยมทัดเทียมกับงานระดับโลกเลยทีเดียว แรงบันดาลใจในการออกแบบ GE66 [...]
July 22, 2020 กล้อง webcam ในโน้ตบุ๊กยุคใหม่นั้น สำคัญขนาดไหน? เนื่องด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้ชีวิตประวันของเราทุกคนต้องปรับเปลี่ยนการใช้งานกันไปในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เกือบทุกสิ่งไม่ว่าจะเป็นมาตรการต่างๆทั้งจากทางรัฐหรือทางเอกชนทำให้ผู้คนได้รับผลลกระทบมากมาย อย่างไรก็ตามสิ่งที่ไวรัสร้ายตัวนี้พามาด้วย นั่นก็คือความเครียดสะสมเนื่องจากการที่คนต้องกักตัวอยู่แต่ในบ้าน โดยเฉพาะยามที่อยู่คนเดียวและห่างไกลจากครอบครัว ดังนั้น ตัวช่วยต่างๆในการเชื่อมต่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน จึงกลายมาเป็นสิ่งสำคัญยิ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้   MSI ตัวช่วยที่จะทำให้คุณเชื่อมต่อกับครอบครัวและคนใกล้ตัวได้ง่ายขึ้น ในช่วงนี้ การแฮงก์เอาท์ผ่านทางวีดีโอคอลดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการพบปะและสังสรรค์กัน ซึ่งนั่นปฏิเสธไม่ได้เลยว่า กล้อง webcam ในโน้ตบุ๊กนั้น เป็นส่วนสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะประชุมสายกับเพื่อนร่วมงาน, แสดงความรักต่อครอบครัว หรือกระทั่งสตรีมเกมผ่านโซเชียลมีเดียที่กลายเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงในสมัยนี้ ล้วนต้องพึ่งพาสิ่งที่เรียกว่ากล้อง webcam นี้ทั้งนั้น กล้อง webcam จึงเป็นข้อกำหนดขั้นพื้นฐานของการซื้อโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ไปโดยอัตโนมัติ เพียงคุณกดปุ่มลัด ”fn +F6” บนโน้ตบุ๊กของ MSI ก็สามารถเรียกใช้งานกล้อง webcam ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการวีดีโอคอลในสถานการณ์ไหน ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการต่อกล้องแยกหรือแบกอุปกรณ์ภายนอกมาทำการเชื่อมต่อและตั้งค่าให้ยุ่งยาก   กล้อง webcam ที่ "ดี" จะเป็นตัวช่วยที่มีความสำคัญในการใช้งาน อันดับแรก เรื่องมุมของการติดตั้งของกล้อง webcam นัน้ถือว่ามีความสำคัญ ตำแหน่งนั้นควรต้องอยู่ด้านบนของจอแสดงผล เพื่อให้ภาพของคุณออกมาในมุมที่ดีที่สุด อีกข้อที่ต้องคำนึงถึง คือเรื่องความคมชัดของกล้อง จะต้องได้ความละเอียดและความคมชัดที่ดี ทาง MSI ก็มี GE66 Raider ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีนี้ มาพร้อมกับ webcam ที่มีความละเอียดถึง Full HD ซึ่งเป็นความละเอียดที่สูงที่สุดในกล้อง webcam ที่ติดตั้งมากับโน้ตบุ๊กในตอนนี้ นอกจากนี้ ยังมีรุ่น GS66 Stealth, GS75 Stealth และ GT76 Titan DT ที่มาพร้อมกับกล้องแบบอินฟาเรด เพื่อการใช้งานแบบประเภทสแกนใบหน้า ผ่านฟังก์ชั่นที่ชื่อว่า Windows Hello ช่วยให้การเข้าถึงการใช้งานเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เมื่อคำนึงถึงข้อสังเกตเหล่านี้ จะเห็นได้ว่า MSI เป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างให้ความใส่ใจในประสบกานณ์ในการใช้งานกล้อง webcam มากๆเลยทีเดียว พร้อมตัวช่วยที่จะทำให้ webcam ของคุณกลายเป็นสุดยอดอุปกรณ์ในแบบที่ไม่เหมือนใคร นอกเหนือไปจากการสนทนาทางวีดีโอแล้ว ยังมีสิ่งอื่นๆอีกมากมายที่กล้อง webcam บนโน้ตบุ๊กของ MSI ทำได้ เช่น คุณสามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมจำลองการใช้งานแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนอย่าง MSI APP Player และ Sound Tune ที่จะคอยตัดเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี เวลาที่คุณใช้งานในการสื่อสารทางไมโครโฟนของกล้อง ในปัจจุบันนี้ แอพพลิเคชั่นที่มาพร้อมกับฟิลเตอร์เจ๋งๆส่วนใหญ่ มักถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับสามาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ MSI APP Player เป็นตัวช่วยที่จะทำให้คุณเข้าถึงการใช้งานแอพพลิชั่นสมาร์ทโฟนผ่านทางโน้ตบุ๊กของคุณได้ ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถใช้ฟิลเตอร์หรือลูกเล่นพิเศษต่างๆผ่านทางการใช้งานบนโน้ตบุ๊กของคุณได้เลยนั่นเอง นอกจากนี้คุณยังสามารถที่จะจัดการกับแอพพลิชั่นอื่นๆรวมถึงเกมที่มีอยู่อย่างดาษดื่นบนสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดายภายในโปรแกรมนี้โปรแกรมเดียวอีกด้วย อ่านรายละเอียดของ [...]
April 01, 2020 ไฮไลท์ในงาน CES 2020: MSI นำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ที่จะเป็นแรงบันดาลใจแห่งในการก้าวไปสู่โลกอนาคต พร้อมสมทบด้วยรางวัลการันตี โน้ตบุ๊กที่ดีที่สุดในงาน ด้วยการเปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ของ MSI ที่มีแตกต่างกันไปถึง 6 ซีรี่ส์ เราจึงขอหยิบส่วนที่เป็นไฮไลท์เด่นๆของโน้ตบุ๊กเหล่านี้ ที่ได้รับรางวัลการันตีอย่างยิ่งใหญ่ในงาน CES ที่เพิ่งจัดขึ้นเมื่อเดืือนมกราคาที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเป็นงานที่รวบรวมผู้แบรนด์ผลิตชั้นนำในอุตสาหกรรมโน้ตบุ๊กมานำแสดงจุดขายของแต่ละแบรนด์ และจากตัวแทนผู้เข้าร่วมกว่า 200 แบรนด์ทั่วโลก ก็ได้มีโอกาสเป็นสักขีพยานในการเปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ของ MSI ที่ได้รับรางวัลมากมายภายในงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านความสวยงาม หรือด้านประสิทธิภาพก็ตามที โดยจะมี GE66 Raider และ GS66 Stealth เป็นตัวเอกของงานในครั้งนี้ นอกจากนั้นยังมีการเปิดตัว Creator 17 โน้ตบุ๊กทำงานระดับมืออาชีพเคริื่องแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยี Mini LED ที่หน้าจอแสดงผล รวมถึงโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์อื่นๆที่เปิดตัวใหม่ของ MSI ในงานนี้ ก็จะเน้นไปที่งานใช้งานการสร้างสรรค์ หรือการพัฒนา AI ให้มีความฉลาดมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีความต้องการให้ MSI เป็นแรงบันดาลใจและสร้างอิมแพคให้กับอุตสาหรกรรมโน้ตบุ๊ํกในงาน CES นี้   (จากซ้ายไปขวา: Creator 17, Prestige 15 และ GT76 Titan) เมื่อเดินผ่านจุดแสดงผลงาน คุณจะเห็นเหล่าผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ที่จะทำให้คุณสะดุดตาในทันที Charles Chiang CEO ของ MSI กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า "CES คืองานรวบรวมวิสัยทัศน์ใหม่ๆในวงการเทคโนโลยี และเรายังมีความภูมิใจที่ได้นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมไปถึงโซลูชั่นในการทำงานและการเล่นเกมอีกด้วย" โดยผู้ที่เข้าร่วมงาน จะได้เดินท่ามกลางเหล่าโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ที่ได้รับรางวัลภายในงานนี้ อาธิเช่น Creator 17, Prestige 15 และ GT76 Titan เป็นต้น   (ด้านหน้า: GS66 Stealth, ด้านหลัง: GE66 Raider)   "GE66 RAIDER เกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่ดีที่สุดในงาน CES 2020" ต่อกันที่ผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นไฮไลท์ที่ดึงดูดความสนใจในงานได้มากที่สุด MSI GE66 Raider และ GS66 Stealth ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงรุ่นใหม่ล่าสุด มีจุดเด่นอยู่ที่ความล้ำสมัย รูปลักษณ์ไม่เหมือนใคร เห็นได้จากแสงที่เปล่งประกายฉายออกมา เป็นแบบพาโนรามิคออโรร่า ซึ่งมากจากฟังก์ชั่น Mystic [...]
March 26, 2020 เคล็ดไม่ลับ ฉบับ WORK FROM HOME วิธีทำงานระยะไกล ให้มีประสิทธิภาพทที่สุด ประเทศต่างๆทั่วโลกตอนนี้ กำลังเผชิญกับภาวะที่ยากลำบากจากเหตุการณ์ระบาดของไวรัส Corona ทำให้บริษัทต่างๆหันมาเริ่มใช้นโยบายให้พนักงานทำงานจากที่บ้านกันมากขึ้น เพื่อรักษาความปลอดภัยช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างปกติที่สุด อย่างไรก็ตาม การทำงานที่บ้านนั้นยังต้องมีการปรับตัวหลายๆอย่างจากการทำงานที่ออฟฟิศ และเราจะมาบอกทิปส์ลับๆสำหรับเครื่องมือบางอย่างที่จะทำให้คุณทำงานที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ     เครื่องมือและอุปกรณ์ที่สำคัญสำหรับการทำงานที่บ้านนั้นมีอะไรบ้าง? 1. โน้ตบุ๊กหรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จากการศึกษาในเว็บไซต์ LinkedIn พบว่า 85% ของการทำงานนั้นเต็มไปด้วยการสื่อสารกัน ดังนั้นคนที่ต้องทำงานระยะไกล ควรจัดลำดับความสำคัญในเรื่องการสื่อสารให้ถูกต้องเมื่อส่งอีเมลหรือข้อความถึงเพื่อนร่วมงาน ซึ่งจะช่วยให้กระบวนการทำงานราบรื่นมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเราจึงขอแนะนำโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ของ MSI Contet Creation Series ที่ช่วยให้ประสิทธิภาพในการทำงานระยะไกลของคุณเพิ่มมากขึ้น ดูโปรโมชั่นโน้ตบุ๊กสำหรับ Work From Home ได้ที่นี่: https://th.msi.com/Landing/work-from-home/nb   2. VPN (VIRTUAL PRIVATE NETWORK) VPN คือสิ่งที่จะช่วยให้พนักงานเข้าถึงบริการต่างๆของบริษัทได้จากระยะไกล ในระบบเครือข่ายนี้ คุณสามารถที่จะเข้าถึงเครื่องปริ้นท์หรือเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลางเพื่อถ่ายโอนข้อมูล รวมถึงยังมีประโยชน์อีกมายมายหากต้องใช้งานผ่านการทำงานที่บ้าน และยังช่วยในด้านความปลอดภัยจากเว็บไซต์สำเร็จรูปต่างๆอีกด้วย 3. วีดีโอแชท หากคุณต้องการประชุมทีมที่มีขนาดใหญ่หรือประชุมทางไกลกับพนักงานจำนวนมาก Zoom เป็นแอพพลิเคชั่นวีดีโอแชทที่สามารถรองรับการประชุมขนาดใหญ่ที่สามารถให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้สูงสุด 3,000 คน! หรือถ้าพูดให้เห็นภาพง่ายๆก็คือคุณสามารถประชุมทางออนไลน์ได้มีประสิทธิภาพเหมือนการประชุมปกติ นอกจาก Zoom แล้ว ยังมีแอพพลิเคชั่นอื่นๆอีก เช่น Skype for Business ที่สามารถส่งข้อความโต้ตอบกันได้ตลอดเวลาหากว่าต้องมีการทำงานร่วมกัน เราแนะนำให้ลองหันมาใช้แอพพลิเคชั่นเหล่านี้ เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพที่สุด   4. จัดระเบียบวันและเวลา ด้วยการหาแอพพิลิเคชั่นปฏิทิน อีกปัจจัยที่สำคัญนั่นคือเรื่องของวันและเวลา หากว่าไม่มีการจัดระเบียบและเรียบเรียงการทำงาน ก็มีความเสี่ยงว่าการทำงานที่บ้านอาจจะทำให้งานของคุณไม่มีแบบแผน เครื่องมืออย่างเช่น "Toggl Plan" และ "Team Up" จะช่วยมายกระดับการจัดการแผนงานของคุณ ให้ไม่เกิดความวุ่นวายเมื่อทำงานระยะไกล     5. รักษาระยะห่าง ระหว่างงานและครอบครัว รวมถึงสิ่งยั่วเย้าต่างๆ สิ่งรบกวนเป็นข้อที่ควรคำนึงถึงที่สุดเมื่อคุณต้อบทำงานระยะไกล! อยู่ให้ห่างจากสิ่งเย้ายวนใจต่างๆไว้ในขณะที่คุณทำงาน ทั้งการเล่นโทรศัพท์ การพับจอไปเล่นโซเชียลมีเดีย หรือการเสียสมาธิจากคนรอบตัวที่บ้าน สิ่งเหล่านี้เป็นอีกด้านที่ต้องระวังไว้เมื่อคุณต้องทำงานระยะไกล     พลิกวิกฤตให้เป้นโอกาส เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้เต็มที่ ด้วยตัวช่วยดีๆอย่างอุปกรณ์ทรงพลัง "Coronavirus กำลังจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการทำงานที่บ้าน ซึ่งมีแนวโน้มด้านการเติบโตมากขึ้นถึง 10% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ฉันคาดว่าในเหตุการณ์ในครั้งนี้ จะเร่งให้เกิดการเติบโตที่แท้จริง" ประธานขององค์กร Global Workpalce Analytics กล่าวไว้ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในตอนนี้ ด้วยการที่จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดสำหรับเทรนด์การทำงานที่บ้าน ดังนั้นตอนนี้คุณต้องพยายามหาเครื่องมือรวมถึงฝึกปรือการใช้งานให้ประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ เพื่อผลดีทั้งต่อตัวคุณและองค์กร